mom2hero.คุณแม่ คนเก่ง มีความรู้และประโยชน์ "น้ำัมันปลา" อาหารเพื่อลูก มาเล่าสู่กันฟังค่ะ ส่วนที่มีการเชื่อว่า กินแล้วฉลาดขึ้น จะเป็น "น้ำมันปลา" ค่ะ
ให้คุณแม่คนเก่ง จัดหาน้ำมันปลาทั้งที่เป็นอาหารจากธรรมชาติ และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมให้ถูกต้องตามปริมาณที่เหมาะสมค่ะ มาดูเกร็ดความรู้กันนะค่ะ
ขึ้นชื่อว่า "ปลา" รับประทานแล้วมีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งนั้นค่ะ โดยจะแยกออก เป็นน้ำมันตับปลา และน้ำมันปลา นะค่ะ
:น้ำมันปลา (Fish oil) หรือเรียกกันทั่วๆไปว่า โอเมก้า-3 สกัดได้จากปลาทะเลน้ำลึก ซึ่งอุดมไปด้วยกรดไขมันชนิดไม่ิ่อิ่มตัว (ซึ่งกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว ร่างกายคนเราไม่สามารถสร้างเองได้)
(Polyunsaturated Fatty Acid) หรือ PUFA 2 ชนิด ในกลุ่มโอเมก้า 3 คือ
-Eicosapentaenoic acid (EPA)
-Docosahexaenoic acid (DHA)
น้ำมันปลา เป็นส่วนหนึ่งของไขมันที่สกัดจากเนื้อ หนัง ส่วนหัวและหางปลาทะเล อาทิ ปลาทูน่า ปลาแซลมอน ปลาเฮอร์็ริ่ง ปลาแมคคอเรล ปลาทู และปลาซาร์ดีน ซึ่งมีส่วนประกอบสำคัญ คือกรดไขมันไม่อิ่มตัว ชนิดโอเมก้า 3 ได้รับความนิยมในการรับประทานกันอย่างแพร่หลายในรูปผลิตภัณฑ์อาหารเสริม
ประโยชน์ของน้ำมันปลา ที่ผ่านการวิจัยแล้วมีดังนี้ค่ะ
- ป้องกันโรคสมองฝ่อ หรือโรคอัลไซเมอร์ ซึ่งมักเกิดกับคนที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป
- ลดอาการ เจ็บบริเวณหัวใจ ซึ่งเกิดจากเลือดไหลเวียนไปเลี้ยงหัวใจไม่สะดวก
- ลด ความถี่ และอาการของโรคหอบหืด
- ลดความเสี่ยงของการเกิดไขมันอุดตันใน หลอดเลือด โดยละลายไขมันที่เกาะในหลอดเลือด
- ทำให้จิตใจสงบลง มีสมาธิดีขึ้น
- ระงับอาการหลอดลมอักเสบ
- ช่วยป้องกันมะเร็ง บางชนิด เช่น มะเร็งที่เกิดจากอวัยวะที่สร้างฮอร์โมนเพศ (Hormone-Link Cancer) เช่นมะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นต้น น้ำมันปลาเป็นอาหารเสริม ที่แนะนำสำหรับผู้ป่วยมะเร็งทุกชนิด เนื่องจากทำให้ประสิทธิภาพของการรักษามะเร็งดีขึ้น น้ำมันปลาช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งปอด และหยุดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งตับได้ด้วย
- ช่วยบรรเทาอาการ หัวใจเต้นผิดจังหวะ ทำให้การเต้นของหัวใจดีขึ้น ให้ผลการเปลี่ยนแปลงดีขึ้นอย่างเห็นชัดเจน และค่อนข้างถาวร
- ลดการ อักเสบเรื้อรังในทางเดินอาหาร เช่นลำไส้ใหญ่อักเสบเรื้อรัง ซึ่งมีอาการสำคัญ คืออุจจาระร่วงบ่อยๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ
- ลดอาการซึม เศร้า
- ลดอาการปวดท้องประจำเดือน
- ให้ผลดีกับคนผิวหนังอักเสบ เรื้อรัง
- ลดโอกาสเกิดภาวะหัวใจวายเนื่องจากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
- ลด ความเสี่ยงของการเกิดโรคความเสื่อมของระบบประสาท
- ทุเลาโรคปวดหัวไม เกรน
- ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคตามัว ในวัยสูงอายุ
- ทุเลา อาการต่างๆ ของโรคภูมิต้านทานทำลายเนื้อเยื่อตัวเอง (โรคSLE หรือ LE)
- มี ประโยชน์ต่อคนไข้เบาหวาน เนื่องจากช่วยลดอาการต้านอินซููลินร่างกาย
- เพิ่ม ภูมิต้านทานของร่างกาย ทำให้ลดโอกาสการติด เชื้อ และป้องกันมะเร็งได้
- ควบ คุมความดันโลหิตได้ เป็นอาหารเสริมที่เหมาะจะบริโภคร่วยกับยารักษาความดันโลหิตสูง
- ลด ระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในกระแสเลือด
- ทำให้การดูดซึมแคลเซียมของ ร่างกายดีขึ้น และกระตุ้นการสร้างกระดูกใหม่ ป้องกันภาวะกระดูกพรุน
- แนะ นำสำหรับผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน หรือเรื้อนกวาง จะทำให้ผิวหนังอักเสบลดความรุนแรง
- บรรเทาอาการหลอดเลือดแดงบริเวณ ขา หดตัว ซึ่งเกิดในผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ เมื่อเป็นแล้วมือ เท้าจะเย็น หรือมีอาการเจ็บ หรือชา
น้ำมันปลา..........เป็นสารอาหารจำเป็นต่อสมอง ระบบประสาท และสายตาของเด็ก ตั้งแต่อยู่ ในครรภ์ จนคลอดออกมาเป็นทารก
- น้ำมันปลาทำให้เด็ก สายตาดี และคมชัด ระบบประสาทมีการพัฒนา และเจริญเติบโต ทำให้สมองของเด็กทำงานดีขึ้น เพิ่มพลังสติปัญญา สมาิธิ
- และทำให้ไอคิวของ เด็กสูงขึ้น และมีประโยชน์อย่างยิ่งในการรักษาเด็กสมาธิสั้น
ข้อควรระัวัง : ผู้ป่วยที่ที่เป็นโรคเลือดออกได้ง่ายห้ามทาน เช่นผู้ป่วยที่ได้รับยาต้านเกร็ดเลือด หรือ แอสไพริน, ผู้ที่มีเกร็ดเลือดต่ำ, มีจุดเลือดออกตามตัว , มีเส้นเลือดแตกในสมอง , เส้นเลือดแตกในจอตา จากโรคจอตาเสื่อม ระยะสุดท้ายในเบาหวาน เป็นต้น
ส่วน คนที่แพ้อาหารทะเล สามารถทานน้ำมันปลาได้และมีความปลอดภัย
รับประทานน้ำมัน ปลาอย่างไร ให้ปลอดภัย
- บุคคลทั่วไป ควรรับประทานอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง รวมทั้งอาหารที่มีกรด alpha - linolenic acid สูง เช่นน้ำมันถั่วเหลือง เมล็ดธัญญพืช เต้าหู้ เป็นต้น
- ผู้ ป่วยโรคหัวใจ ควรรับประทานน้ำมันปลา ประมาณ 1,000 มิลลิกรัม / วัน
- ผู้ ป่วยที่ต้องการลดระดับไตกลีเซอไรด์ในเลือด ควรรับประทานวันละ 2-4 กรัม
***ก่อน ตัดสินใจรับประทาน ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชื่ยวชาญเสียก่อนเพื่อความปลอดภัย และพึงระวังการรับประทานน้ำมันปลาขนาดสูง อาจทำให้ระดับวิตามินE ในร่างกายลดลง
mom2hero.คุณแม่คนเก่ง ได้แนะนำ "น้ำมันปลา" คง ได้ความรู้มากมายนะค่ะ กับการรับประทานปลาต่างๆ อาทิ ปลาแมคคอเรล ปลาแซลมอล ฯลฯ(ตามข้างต้น) แบบธรรมชาตินี้ไม่มีปัญหาค่ะ รับประทานเยอะๆ มีแต่ประโยชน์ไม่มีโทษค่ะ
.....ส่วนถ้าจะรับประทานแบบอาหารเสริมก็ต้องรับประทานในปริมาณพอดี หรือถ้าสงสัยควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนะค่ะ เห็นประโยชน์็มากมายแล้วก็อดไม่ได้ที่จะรีบหา อาหารเพื่อลูก มาให้ลูกๆๆ รับประทานกันนะคะ รู้อย่างงี้แล้วรีบหันมาทานน้ำมันปลากันดีกว่านะค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น